เคล็ดลับ! พิชิตทุน + รีวิวชีวิตเด็กทุน TaiwanICDF

เคล็ดลับ! พิชิตทุน + รีวิวชีวิตเด็กทุน TaiwanICDF

สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาพบกับเรื่องราวดีๆที่ทางโอริมอสจะมานำเสนอกันอีกแล้วนะครับ เราได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาในไต้หวันมามากมายจากน้องๆหลายๆคน วันนี้พี่ๆโอริมอสผู้ที่เคยได้รับทุนตัวเองเสียงจริงจะมาเล่าให้ประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังกันนะครับ 🙂

ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่าตัวผมและพาร์ทเนอร์นั้นได้รับทุน ICDF ไปศึกษาต่อที่คณะ IMBA ที่ National Chengchi University นอกจากเรียนแล้วเรายังได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิเช่นเป็นตัวแทนนักเรียนหรือช่วยเหลือนักเรียนนักเรียนต่างชาติอื่นๆ เพราะฉะนั้นพวกเราจะได้คุยกับทางออฟฟิสของโรงเรียนและสำนักงานต่างๆเยอะมาก และมีโอกาสได้พบปะนักเรียนทุนต่างๆมากหน้าหลายตาจากหลากหลายประเทศโดยเฉพาะจากประเทศไทยและเพื่อนบ้านอาเซียนของเรา 

แต่ก่อนจะไปลงในส่วนของเคล็บลับ ผมขอเล่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเรียกแขกก่อนนะครับว่าทุนนี้เนี่ยพวกเราได้อะไรบ้าง แน่นอนครับทุน ICDF ครอบคลุมไปถึงค่าเทอมทั้งหมด ย้ำนะครับว่าทั้งหมดจริงๆ อันนี้ต้องอธิบายนิดหนึ่งก็คือ โปรแกรม IMBA NCCU เนี่ยถ้าจะจ่ายค่าเทอมเองจริงๆเทอมหนึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าโปรแกรมทั่วไปในไต้หวันอยู่พอสมควร ยกตัวอย่างนะครับ ปกติค่าเทอมโปรแกรมที่ใช้ภาษาอังกฤษในไต้หวันจะมีค่าเทอมอยู่ประมาณ 5-6 หมื่นดอลล่าห์ไต้หวันต่อเทอม แต่โปรแกรมของเราจะไม่ได้ใช้ระบบค่าเทอมแบบเหมาจ่าย แต่จะใช้ระบบค่าบำรุงการศึกษา ค่าหน่วยกิต โดยเท่าที่เห็นเพื่อนๆจ่าย ปกติก็จะเกินแสนกันขึ้นไปต่อเทอมเลยนะครับ แต่ในส่วนของเด็กทุนอย่างเรานั้น ไม่ต้องจ่ายเลยสักก่ะบาทเลยแหละครับ คือฟรี! ฟรีจริงๆ เรียกได้ว่าประหยัดไปได้เยอะมากๆถ้าเราได้ทุน ICDF และเรียนในโปรแกรมที่ปกติค่าเทอมจะแพงกว่าปกตินะครับ

นอกจากนั้นแล้วไม่ใช่แค่ฟรีค่าเทอมนะครับ ค่าที่อยู่ก็เช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องอยู่หอในของมหาวิทยาลัยเท่านั้นถึงจะฟรี ซึ่งในส่วนของหอในนั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรมจริงๆครับว่ามหาวิทยาลัยของเรานั้นมีหอที่สภาพดีขนาดไหนและเราจะอยู่ส่งไปอยู่ที่หอไหน ซึ่งโดยตัวส่วนตัวก็เจอมาทั้งดีและไม่ดีปนๆกันไป ผมว่าก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีสีสันดีนะครับ และเด็กที่มาเรียนต่างประเทศส่วนใหญ่จะต้องเจอประเด็นเรื่องหอพักหรือที่พักกันเป็นปกติแน่นอน 

ไม่ใช่แค่ค่าเทอมกับค่าหอเท่านั้นนะครับที่ฟรี ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 1 เที่ยวก็มี! ค่าตำรา! ค่าประกัน! คือพูดได้เลยว่าไม่มีทุนไหนให้เยอะเท่านี้แล้วจริงๆครับ โดยค่าตำราถ้าเป็นตำราภาษาอังกฤษที่มาจากต่างประเทศก็ไม่ใช่ถูกๆนะครับ ยิ่งพวกผมที่เรียนใน Business School แน่นอนว่าต้องมีค่า case study หรือค่า simulation ต่างๆเพิ่งเข้ามาอีก แต่ทุนก็สนับสนุนหมดเลยครับ! ชีวิตดี้ดีจริงๆ สุดท้ายแล้วในระดับปริญญาโททุนก็ให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนอีกเดือนล่ะ 15,000 NTD อีกด้วยในแต่ล่ะเดือน เรียกได้ว่ามาตัวเปล่าแต่เข้าอยู่ได้เลยเหมือนที่เค้าโฆษณาคอนโดจริงๆครับ!

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับนักเรียนทุน ICDF ก็จะมีคนคอยดูแลในแต่ล่ะโปรแกรมเป็นพิเศษอีกด้วย หากมีปัญหาอะไรก็สามารถไปขอคำแนะนำกับเค้าได้เลย และนี่ก็ทำให้เรามีกิจกรรมพิเศษมากกว่านักเรียนต่างชาติทั่วไปด้วยนะครับ บางทีเค้าก็อาจจะพาเราไปร่วมกิจกรรมที่ต่างจังหวัดบ้างหรือมีกินเลี้ยงเล็กๆน้อยๆตามโอกาสบ้างครับ เป็นทุนที่อบอุ่นมากๆครับ ดูแลทั้งความต้องการภายนอกและภายในจริงๆ

เอาล่ะครับ อ่านกันจนมาถึงขนาดนี้หลายๆคนคงจะมีคำถามแล้วแหละว่า แล้วทำยังไงถึงจะได้ทุน!!! เป็นคำถามที่ตอบยากนะครับเพราะการได้ทุนเนี่ยมันมีหลายปัจจัยที่เราจะต้องคำนึงถึงและนำมาใช้ประกอบ แต่วันนี้โอริมอสจะมาลองลิสต์ง่ายๆให้กับทุกคนนะครับ เชื่อว่าหากลองเอาไปใช้ดูจะต้องมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ด้วยความที่ทุน ICDF เป็นทุนขององค์อิสระของรัฐบาลไต้หวันนะครับ ทุนก็จะมีสำนักงานของทุนซึ่งจะแยกกันเด็ดขาดกับออฟฟิสของมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย เวลาเราสมัคร เราต้องสมัครพร้อมกันทั้งทุนและมหาวิทยาลัย และเราจะต้องได้รับการตอบรับทั้งจากทุนและมหาวิทยาลัย เราถึงจะได้ทุนมาครอบครองนะครับ งงมั้ยครับ? ผมว่าหลายคนงงแน่นอน เอางี้นะครับ ผมจะยกตัวอย่างมาอธิบายง่ายๆ กรณีที่ 1 สมมติว่าผมสมัครมหาวิทยาลัย A ไปพร้อมกับสมัครทุนไปด้วย มหาวิทยาลัย A ตอบรับมาแล้วว่าให้เราเข้าไปศึกษาได้ แต่ออฟฟิสของทุนดันแจ้งเรามาว่า ไม่ได้ทุนนะ แบบนี้คือไม่ได้ทุนนะครับ แต่ยังได้มหาวิทยาลัย หากเราต้องการจะเรียนที่นี่จริงๆก็ต้องใช้ทุนส่วนตัวนั่นเอง ส่วนกรณีที่ 2 ทุนตอบรับให้ทุนผมแล้ว แต่มหาวิทยาลัยไม่ตอบรับให้ผมเข้าเรียน แบบนี้เรียกว่าชวดทั้งคู่นะครับ คือไม่ได้ทั้งทุนและมหาวิทยาลัย (จะได้ได้ยังไงในเมื่อไม่มีที่ที่จะให้เรียน) เพราะฉะนั้นการจะได้ทุน ICDF นั้นต้องเป็นกรณีที่ 3 เท่านั้นก็คือทั้งออฟฟิสของมหาวิทยาลัยตอบรับเราและทุนก็ตอบรับเราเช่นกันนะครับ

อธิบายซะยืดยาวก็เพราะว่ามันจะโยงเข้ามาสู่เคล็บลับที่หนึ่งเนี่ยแหละครับ ก็คือด้วยความที่เราจะต้องมีกระบวนการยืดยาวและมากมายหลากหลายในการสมัครทั้งทุนและมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นแล้วหลายๆคนจะพลาดเรื่องเอกสาร ฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดเลยใช่มั้ยครับ แต่เชื่อผมเถอะ หลายๆคนตกม้าตายเพราะเรื่องนี้มามากแล้วจริงๆ ถ้าเอกสารครบ บางทีถ้าเค้าใจดีเค้าก็จะโทรมาขอเราเพิ่มหรือบางทีไม่โทรมาเลยก็มีนะครับ คือตัดสิทธิ์ไปเลย เป็นเรื่องน่าเสียดายมากๆเลยนะครับถ้าเราไม่มีโอกาสได้ทุนเพราะเรื่องพื้นฐานที่เราเองสามารถควบคุมได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นดูแลตรวจสอบเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนที่สุดนะครับ ด้วยความหวังดีจริงๆ

เคล็บลับที่สองต่อมาก็คือ เอกสารต้องน่าสนใจ หมายความว่าอะไร? เพราะการสมัครทุนนะครับ รอบแรกที่สุดเค้าก็จะคัดจากเอกสารที่เรายื่นๆไปเนี่ยแหละครับ โดยเฉพาะตัว motivation letter หรือ recommendation letter เพราะฉะนั้นถามตัวเองนะครับว่าเราแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน ทำไมเค้าควรจะให้ทุนเรา คิดให้ลึกๆและมีหลายมิตินะครับ ตรงส่วนนี้คงจะบอกเป็นข้อๆชัดเจนไปเลยไม่ได้ เพราะแต่ล่ะคนก็จะมีความแตกต่างและโดดเด่นในแบบของตัวเอง เรื่องแบบนี้มันเลียนแบบกันไม่ได้นะครับ เป็นศาสตร์และศิลป์ที่เราจะต้องมีประสบการณ์ ความรู้ ไหวพริบมากพอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถดึงในส่วนนี้ออกมาจากตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนที่จะติดสินครับ ว่าคุณสมควรจะได้รับทุนหรือไม่

เคล็บต่อมาก็คือ ความพร้อมทางทัศนคติและแนวความคิดนะครับ เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆเหมือนกับข้อเอกสาร แต่ความจริงยากที่สุดเลยครับ เพราะทัศนคติของคุณมันถูกบ่มเพราะมาตั้งแต่วันที่คุณลืมตาออกมาดูโลกนี้แล้ว ตัวทัศนคติและแนวความคิดจะมีส่วนช่วยมากๆทั้งแต่วิธีที่คุณเขียนเอกสาร วิธีจัดเตรียม และรวมไปถึงการตอบคำถามในห้องสัมภาษณ์นะครับ เวลาสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เราจะต้องแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมา แต่ความเป็นตัวตนของเรานั้นมันจะเป็นสิ่งที่ทุนต้องการหรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องที่คุณต้องทำการบ้านนะครับ

สุดท้ายนะครับ อยากฝากให้กับทุกคนก็คือ การทำการบ้านหรือการหาข้อมูลครับ สิ่งนี้จะให้เราได้เปรียบทั้งสิ่งที่เราควบคุมได้ เช่นเอกสารหรือการเตรียมตัวต่างๆ นอกจากนั้นมันจะทำให้เราจัดสรรความคิดและความรู้สึกได้ถูกต้องเมื่อสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้มันเกิดขึ้นมา เช่นเวลาที่ทุนประกาศแล้ว หรือเวลาเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมาระหว่างทางนะครับ เชื่อโอริมอสเถอะครับการรู้ดีกว่าไม่รู้ครับ หลายๆคนสักแต่ยื่นเอกสารไปเฉยๆ แต่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไรเลย แบบนี้ไม่ควรทำนะครับ และสำหรับทุกคนที่อ่านมาจนจะจบนะครับ ยินดีด้วยครับ มันแสดงให้เห็นว่าคุณสนใจในการหาข้อมูลมากกว่าคนมากมายที่ไม่ใส่ใจในเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ครับ 

เรื่องการขอทุนและการสมัครมหาวิทยาลัยระดับท็อปของไต้หวัน (จริงๆก็ทุกที่ทั่วโลกนะครับ) เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว และมันมีปัจจัยหลากหลายมากๆในการที่จะติดสินว่าคุณจะได้หรือไม่ได้รับทุน ทางโอริมอสเรายินดีมากเลยครับ หากคุณอยากจะลองเข้ามาปรึกษากับเรา เพราะในส่วนนี้เป็นเรื่องที่เราเคยมีประสบการณ์มาก่อน ลองติดต่อเข้ามาปรึกษากับเราในเบื้องต้นกับเราได้ก่อนเลยครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย คิดถึงเรื่องเรียนไต้หวันคิดถึงโอริมอสนะครับ

ฟรี! ติดต่อเราเพื่อเข้ารับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Orimos P'Kong
orimos.education@gmail.com

อดีตนักเรียนทุนรัฐบาลไต้หวัน TaiwanICDF ปี 2018-2020 คณะ IMBA NCCU Business School ชั้นนำของไต้หวัน และเป็นอดีตประธานนักเรียนประจำรุ่นของ IMBA NCCU 2019-2020 เคยศึกษากฎหมายระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน (เกียรตินิยม) ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรนิยมอันดับหนึ่ง

No Comments

Post A Comment