เมืองไหนในไต้หวันนะที่เหมาะกับเรา?

เมืองไหนในไต้หวันนะที่เหมาะกับเรา?

สวัสดีครับ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน การเลือกเมืองที่อยู่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของหลายๆคนเลยนะครับ ตอนที่ผมไปเรียนต่อหากเลือกไม่ได้แล้วว่าจะเลือกสถาบันไหน บางทีก็จะใช้ตัวเมืองเข้าเป็นปัจจัยช่วยเลือกเหมือนกัน ซึ่งมันก็ค่อนข้างสำคัญสำหรับผมเลยทีเดียวเพราะเราจะต้องไปใช้ชีวิตเป็นปีๆ ณ​ สถานที่แห่งนั้นใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นแล้วชีวิตความเป็นอยู่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจเหมือนกัน (แต่แน่นอน ต่างคนก็ต่างความคิด หลายๆคนเลือกปัจจัยอื่นๆมากกว่า เช่น ทุนการศึกษาหรือค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่มีถูกผิดครับ เป็นเรื่องที่เราต้องตัดสินใจเอาเองในท้ายที่สุด) วันนี้ผมเลยจะมาเล่าบรรยากาศเมืองใหญ่ๆในไต้หวันให้ทุกท่านได้รับรู้และเป็นตัวช่วยตัดสินใจนะครับว่าเราเหมาะกับการอยู่เมืองนั้นๆหรือไม่
ไทเป

แน่นอนครับ เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของไต้หวันก็คือไทเป ไทเปตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของเกาะ เพราะฉะนั้นในฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าทางใต้นะครับ ใครที่ชอบหนาวๆอาจจะต้องเลือกทางเหนือๆครับเพราะเส้นศูนย์สูตรของไต้หวันระหว่างทางเหนือและทางใต้นั้นต่างกันครับ 

แน่นอนว่าสำหรับไทเปนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมายเพราะเป็นเมืองที่มีครบทุกอย่างทั้งความสะดวกสบายในการเดินทางคือรถไฟฟ้า รถเมย์ หรือจักรยาน U-bike ที่เราสามารถเช่าขี่ได้ง่ายๆด้วยบัตร Easy card ที่เป็นการ์ดเดินทางของไต้หวันนะครับ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็ไทเปก็เดินทางสะดวกจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีรถของตัวเองเลยครับ 

ในส่วนของตัวเลือกอื่นๆในชีวิตเช่น อาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือตัวเลือกยามราตรีก็เรียกได้ว่าครบครันที่สุดในไต้หวันแล้วครับ (ก็แหงแหละ เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางนี่น่า) หรือหากโหยหาธรรมชาติ ไทเปก็มีเช่นกันครับ เนื่องจากว่าเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ในลักษณะแอ่งกระทะคล้ายๆเชียงใหม่บ้านเรานะครับ เพราะฉะนั้นหากต้องการธรรมชาติก็สามารถเดินทางไปหาเขาได้เลยครับ 🙂 อากาศโดยรวมก็ดีกว่ากรุงเทพหลายช่วงตัว 

แน่นอนเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนหยินหยางใช่มั้ยครับ ในเมื่อเป็นศูนย์กลางและมีจำนวนประชากรมากที่สุด เพราะฉะนั้นก็ย่อมจะหนาแน่กว่าเมืองอื่นๆ ประชากรมักจะอาศัยอยู่ในลักษณะของห้องในตึกครับหรือคล้ายๆคอนโดบ้านเรานั่นเอง แต่ด้วยความที่เค้าสร้างมานานแล้ว เพราะฉะนั้นตึกจะมีสภาพเก่าๆหน่อยนะครับ แต่ข้างในเค้ารีโนเวตตลอดเพราะฉะนั้นข้างในยังดีอยู่แน่นอนครับ เมื่อหนาแน่นและมีดีมานต์สูงเพราะฉะนั้นราคาค่าที่อยู่ก็จะสูงตามไปด้วยนะครับ ห้องเล็กๆที่ต้องแชร์ส่วนกลางคือห้องน้ำและห้องนั่งเล่นสามารถจ่ายเป็นราคาห้องเดียวที่กรุงเทพได้เลยครับ ในส่วนของค่าครองชีพอื่นๆโดยส่วนตัวคิดว่าไม่ได้แพงกว่าไทยจนใช้จ่ายยาก ประมาณได้ว่าใช้ชีวิตในกรุงเทพชั้นในประมาณนั้นครับ อาหารมื้อหนึ่งปกติจะประมาณหนึ่งร้อยอัพ หรือถ้าเน้นถูกๆและกินไม่เยอะ ตามร้านข้าวตัก(ข้างแกงไต้หวัน)หรือตามมหาวิทยาลัยบางทีก็มี 70 – 80 ครับ

ชินจู๋

เมืองทางเหนือถัดลงมาจากไทเปหนึ่งชั่วโมงโดยรถบัส เมืองนี้สภาพอากาศถือว่าเป็นเมืองแห่งลมครับ คือมีลมพัดแรงๆอยู่ตลอดเวลา และถือเป็นเมืองแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะมี Science Park ของไต้หวันที่เป็นที่รวบรวมบริษัทและหน่วยงานสายนี้ของไต้หวัน ง่ายๆคือเป็นเหมือน Silicon Valley ของไต้หวันนั่นเองครับ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสองมหาวิทยาลัยของไต้หวันที่ดังมากๆตั้งอยู่ที่นี่อีกด้วย 

ด้วยความที่ชินจู๋มี Science Park นะครับ เพราะฉะนั้นคนทำงานสายนี้จะอยู่อาศัยที่เมืองนี้เยอะพอสมควร ดังนั้นราคาค่าเช่าบ้านเรียกได้ว่าไม่ถูกนะครับ เพราะมีความต้องการอยู่ตลอดเวลา แต่ค่าครองชีพอื่นๆ เช่นค่าอาหารนั้นถูกว่าไทเปแน่นอนครับ 

ตัวเมืองชินจู๋เองเป็นเมืองเล็กครับ จะไม่ค่อยมีอะไรมาก และมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ตั้งติดตัวเมืองด้วย เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เพื่อนๆที่อยู่ชินจู๋เวลาเบื่อๆต้องการเสียงสีจะนั่งรถบัสเข้ามาในไทเป ซึ่งก็สะดวกสบายมากเพราะมีบริษัทเดินรถถึงสามบริษัทตั้งอยู่ข้างหน้ามหาวิทยาลัยเลย มาลงที่สถานีกลางไทเป ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เรียกได้ว่าไม่ลำบากเลยครับ

ไถจง

เป็นอีกเมืองใหญ่ของไต้หวันที่อยู่บริเวณกลางๆของเกาะนะครับ ไถจงเป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาทีหลัง เพราะฉะนั้นสภาพบ้านเมืองจะใหม่กว่าไทเปอยู่พอสมควร อากาศจะไม่หนาวเย็นเท่าไทเปแน่นอน ถ้าไม่ใช่หน้าร้อนก็จะสบายๆครับ 

การเดินทางอาจไม่สะดวกเท่าไทเป แต่ก็มีรถเมย์เป็นที่พึ่งครับ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าอาจจะไม่ได้มาถี่เท่าที่ไทเป แต่คนก็น้อยก็กว่า ไม่แน่นเท่า ส่วนสภาพและการจัดการดีกว่ากรุงเทพแน่นอนครับ คิดว่าหากไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนอะไรเลยครับ 

นอกจากนั้นแล้วไถจงถือเป็นเมืองที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เมืองหนึ่งของไต้หวันเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงในเรื่องสิ่งต่างๆในชีวิตเลยครับ แม้จะไม่ได้มีเยอะเท่าไทเปแต่ก็มีครบเพียงพอต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องช้อปปิ้ง เรื่องอาหาร การกินอยู่ นอกจากนั้นแล้ว หากต้องการมาไถเปก็ง่ายมากๆ นั่งรถไฟความเร็วสูงเพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วครับ หรือจะไปเมืองทางใต้เช่น เกาสง ก็ชั่วโมงเดียวเช่นกัน เรียกได้ว่าอยู่กึ่งกลางของทุกๆที่เลยครับ 

ส่วนค่าครองชีพ แน่นอนว่าไม่แพงเท่าไทเปแน่นอน ค่าเช่าบ้านและค่าอาหารพอๆกับการใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยเลยครับ โดยส่วนตัวแอดมินชอบตลาดกลางคืนของเมืองไถจงมากๆ โดยเฉพาะตลาดกลางคืนเฟงเจี่ย เพราะมันมีขนาดใหญ่มากและมีของกินอร่อยๆแปลกๆเยอะ ของใช้หรือเสื้อผ้าก็ถูกมากๆอีกด้วย คือไม่ลำบากเลยแหละครับ

ไถหนาน

ไถหนานเป็นเมืองหลวงเก่าของไต้หวันนะครับ ดังนั้นเมืองจะมีความคลาสสิก มีความชิคๆอยู่ในตัว อารมย์คล้ายๆกับเชียงใหม่เลยล่ะครับ หากคุณเป็นสายอินดี้ สายเรียนรู้วัฒนธรรมแล้วล่ะก็ ต้องถูกใจกับไถหนานแน่นอน เพราะที่นี่มีสถานที่หลายแห่งรอให้คุณไปค้นหาและถ่ายรูป 

ตัวเมืองไถหนานจะไม่ใหญ่มากนะครับ ถือเป็นเมืองขนาดสบายๆ แบบไม่แออัด แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะหาของกินของใช้ลำบาก ที่นี่ก็มีทุกอย่างที่เราอยากกินครับ ไถหนานนั้นคนไต้หวันถือว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารเลยด้วยซ้ำไป คือถือเป็นเมืองที่ทำรสชาติอาหารอร่อยที่สุดในไต้หวัน (ในสายตาคนไต้หวัน) เลยแหละครับ โดยส่วนตัวก็คิดว่าคนไทยก็น่าจะชอบอาหารที่เมืองนี้มากกว่าแถบทางเหนือ เพราะว่ารสชาติจะจัดกว่าหน่อยและติดหวานมากกว่า แต่ของแบบนี้มันต้องมาลองชิมด้วยตัวเองนะครับมันถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร!

การอยู่ไถหนานสิ่งที่ค่อยไม่สะดวกสบายนั้นคงเป็นในเรื่องของการคมนาคมหากไม่มีรถส่วนตัว เพราะฉะนั้นนักศึกษามักจะมีรถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองครับ หรือบางคนก็เลือกที่จะปั่นจักรยานก็มี หากมีรถส่วนตัวแล้วล่ะก็ชีวิตจะสบายขึ้นมากๆเลยล่ะครับ

เกาสง

เป็นเมืองใหญ่ทางใต้ของไต้หวันนะครับ แข่งกันเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากไทเปกับไถจง ที่เกาสงด้วยความที่อยู่ทางใต้เกือบจะสุดแล้วเพราะฉะนั้นอากาศจะร้อนกว่าทางเหนือๆนะครับ แต่ข้อดีก็คีออยู่ติดทะเล หากคุณเป็นสายชิลชอบฟังเสียงคลื่นแล้วล่ะก็ ต้องเลือกมาที่นี่เลย มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันหนึ่งของเกาสงคือมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็นมีแคมปัสที่สวยมากกกก เพราะเค้าอยู่ติดทะเลเลย เรียกได้ว่าเรียนไปมองทะเลไปได้เลยนะครับ 

เกาสงก็ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งนะครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะต้องการอะไรแน่นอนว่าย่อมมีให้คุณเลือกสรรครับ คล้ายๆกับไถจงเลยล่ะครับ เท่าที่ทราบมีบางสายการบินก็มีเที่ยวบินบินตรงจากเมืองไทยมาที่นี่เลยก็มีนะครับ หากอยากกลับบ้านก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาไทเปเลย 

นอกจากนั้นแล้วที่นี่มีรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยนะครับ มีอยู่หนึ่งสาย วิ่งผ่านสถานที่สำคัญๆของเมือง ตัวสถานีเค้าก็ทำใหญ่มาก มีหนึ่งสถานีที่สวยมากจนกลายเป็นแลนมาร์คให้คนไปถ่ายรูปด้วยครับ อย่างไรก็ตามส่วนตัวผมคิดว่าหากไม่ได้อยู่ในละแวลกรถไฟฟ้าแล้วล่ะก็น่าจะเดินทางค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว เพราะรถเมล์ไม่ได้มีเยอะและถี่ขนาดนั้น ส่วนค่าครองชีพแน่นอนว่าถูกกว่าไทเปครับ 

Orimos หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจในการเลือกที่ที่เราอยากไปเรียนต่อที่ไต้หวันไม่มากก็น้อยนะครับ หากมีคำถามหรืออยากปรึกษาเพิ่มเติมสามารถติดต่อเราได้ทุกเมื่อเลยครับ 🙂

ฟรี! ติดต่อเราเพื่อเข้ารับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Orimos P'Kong
orimos.education@gmail.com

อดีตนักเรียนทุนรัฐบาลไต้หวัน TaiwanICDF ปี 2018-2020 คณะ IMBA NCCU Business School ชั้นนำของไต้หวัน และเป็นอดีตประธานนักเรียนประจำรุ่นของ IMBA NCCU 2019-2020 เคยศึกษากฎหมายระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน (เกียรตินิยม) ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรนิยมอันดับหนึ่ง

No Comments

Post A Comment