05 Jul เรียน ทำงาน เที่ยว ชิล ณ ไทเป ประสบความสำเร็จในทุกๆด้านไปกับคุณต๊อบ
วันนี้เรามีน้องต๊อบ ผู้ที่เป็น Cafe-hopper ตัวยงที่ตอนนี้อยู่และทำงานในไทเปนะคะ ใครอยากรู้ว่าชีวิตในไต้หวันเป็นอย่างไรบ้าง ลองเข้ามาอ่านดูกันได้เลยค่ะ !!

Orimos: รบกวนน้องต๊อบแนะนำตัวนิดนึงจ้า ?
Tob: ได้ค่ะ ซื้อต๊อบนะคะ ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ หรือที่เรียกว่า IMBA นะคะ ที่มหาวิทยาลัย NCCU ค่ะ ส่วนตอนเรียนปริญญาตรี เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วตอนหลังเรียนจบปริญญาตรีก็เริ่มทำงานเลยค่ะ ทำได้ประมาณ 4-5 ปี เราก็รู้สึกว่าเราอาจจะต้องเริ่มทำอะไรใหม่บางอย่าง ก็เลยเริ่มคิดที่จะเรียนปริญญาโทต่อค่ะ ตอนนั้นก็คิดหนักเหมือนกันค่ะ ว่าจะเรียนที่ไทยหรือจะเรียนที่ต่างประเทศดี คือเรียนที่ไทยมันก็มีข้อดีนะคะ เราสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ แต่ว่าก็ไม่ได้อยากจะมีชีวิตแบบนั้นเนาะ ก็เลยตัดสินใจมาเรียนต่อต่างประเทศค่ะ และประเทศที่เลือกก็คือไต้หวันค่ะ
Orimos: งั้นรบกวนถามนิดนึงค่ะ น้องต๊อบเคยทำงานสายไหนมาก่อนเหรอคะ ?
Tob: อ๋อเป็น product and service management ในบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งค่ะ ทำมาที่นี่ประมาณ 3 ปีครึ่งค่ะ แต่ว่าประสบการณ์ทำงานโดยรวมคือประมาณ 5-6 ปีค่ะ
Orimos: ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจเลือกมาเรียนต่อที่ไต้หวันคะ ?
Tob: จริงๆตอนนั้นต๊อบมี 2 ตัวเลือกในใจ คือไต้หวันกับเยอรมัน แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าขั้นตอนการสมัครเรียนต่อที่เยอรมันมีความยุ่งยากนิดนึง ประกอบกับเราเคยมาเที่ยวไต้หวันแล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่าไต้หวันแจกทุนค่อนข้างเยอะ ก็เลยตัดสินใจมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ
อีกเรื่องหนึ่ง น่าจะเป็นในเรื่องของระยะทางด้วยค่ะ คือถ้าสมมุติเราคิดถึงบ้านหรือว่าถ้าทางบ้านอยากมาเยี่ยม มันก็สามารถเดินทางได้ค่อนข้างง่าย และเรามีโอกาสที่จะได้เรียนภาษาที่ 3 ก็คือภาษาจีนด้วย แล้วต๊อบคิดว่าภาษาจีนในปัจจุบันนี้มันค่อนข้างมีประโยชน์มากค่ะ

Orimos: แล้วน้องต๊อบเคยทำงานที่บริษัทญี่ปุ่นมา ไม่คิดจะไปเรียนต่อญี่ปุ่นบ้างเหรอคะ ?
Tob: ส่วนตัวต๊อบไม่ค่อยอินกับภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเท่าไหร่ค่ะ คือที่บริษัทก็เคยให้เราไปเรียนภาษาญี่ปุ่นนะคะ แต่พอได้ลองแล้ว รู้สึกว่าไม่ค่อยอินเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยสนใจวัฒนธรรมของเขาด้วย ประกอบกับวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเหมาะกับตัวของเราเท่าไหร่ด้วยค่ะ คือถ้าไปเที่ยวอ่ะได้ แต่ว่าถ้าจะให้ไปอยู่นานๆ ขอไม่ดีกว่าค่ะ
Orimos: ในแง่ของการเรียนที่ไต้หวัน น้องต๊อบมีส่วนไหนที่ประทับใจที่สุดคะ ?
Tob: ส่วนตัวประทับใจในแง่ของ facility ที่คณะ imba มีให้ค่ะ เอาง่ายๆเลยคือห้องเรียนค่อนข้างเลิศหรูอลังการเลยนะคะ มันก็ค่อนข้างคุ้มค่ากับค่าเทอมที่เราเสียไปเหมือนกันค่ะ ประกอบกับตัวอาจารย์ผู้สอนเอง แล้วก็ตัวศิษย์เก่าที่เราจะมี Connection กับเขาด้วย มันก็ค่อนข้างคุ้มค่าที่จะลงทุนกับตรงนี้ และตัวเพื่อนหรือว่า classmate ก็ค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ
Orimos: แล้วอย่างนี้น้องต๊อบเรียนภาษาจีนไปด้วย เรียนโทไปด้วย มีการจัดการเวลาที่ยากลำบากไหมคะ ?
Tob: พูดจริงๆตอนแรกๆก็ค่อนข้างขรุขระเหมือนกันค่ะ เหมือนช่วงแรกมันเป็นช่วงปรับตัวของเรา แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าระดับปริญญาโทเนี่ย เขาเรียนหนักกันขนาดไหน คือเรียนภาษาจีนเต็มเวลาตั้งแต่เทอมแรกเลยค่ะ ตอนนั้นก็เลยสาหัสเหมือนกัน เราก็เลยหยุดเรียนภาษาจีนไปก่อน จากนั้นพอเราเริ่มปรับตัวได้แล้วและสามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น แล้วค่อยมาเรียนภาษาจีนอีกรอบนึงค่ะ
Orimos: แล้วเวลาว่างๆต๊อบชอบทำอะไรที่ไทเปบ้างคะ ?
Tob: ส่วนตัวชอบไปเดินดูเมือง ไปเดินช็อปปิ้ง ส่วนของที่เราชอบไปที่สุดน่าจะเป็นในเขตของ Dunhua ค่ะ มีแหล่งเสื้อผ้าแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นค่อนข้างเยอะค่ะ จะมีความแตกต่างจาก Ximending อยู่เหมือนกัน ตรงนั้นจะเป็นลักษณะของนักท่องเที่ยวซะมากกว่า นอกจากนั้นก็เดินดูคนค่ะ

Orimos: มีแนะนำไหมคะว่าจุดไหนที่ไปดูคน แล้วคนแซ่บที่สุด ?
Tob: (หัวเราะ) น่าจะเขต Xinyi อ่ะค่ะ หรือแถวๆตึก 101 แถวนั้นมีคนทำงานเยอะ
Orimos: ได้ข่าวมาว่าน้องต๊อบนี้เป็นคาเฟ่ฮอปเปอร์โดยตัวยงเลยนะคะ เล่าให้ฟังอีกหนึ่งได้ไหมคะว่าที่ไทเปหรือในไต้หวัน วัฒนธรรมคาเฟ่ของเขาเป็นยังไงบ้าง ?
Tob: ที่นี่จะมีร้านกาแฟหรือว่าคาเฟ่เยอะมากเลยนะคะ เพราะปกติที่ไต้หวันเนี่ยเขาจะมีวัฒนธรรมการดื่มชาอยู่แล้วนะคะ พอกาแฟเข้ามาก็เลยยิ่งเป็นที่นิยมเข้าไปด้วย แล้วที่สำคัญก็คือคนที่เข้ามานั่งในร้านกาแฟหรือคาเฟ่เนี่ยเป็นคนทุกวัยเลยทีเดียว เพราะว่าถ้าเป็นที่เมืองไทยส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นอกจากนั้นร้านคาเฟ่ในไทเปเนี่ยพูดเลยว่าคนแน่นแล้วก็คนเยอะทุกวันค่ะ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเขาเลยทีเดียวค่ะ
อีกเหตุผลใหญ่อันนึงเลยก็คือ บ้านในไทเปส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านลักษณะเล็กๆหรือว่าเป็นลักษณะคอนโดเหมือนที่เมืองไทยนะคะ เพราะฉะนั้นพื้นที่อาจจะไม่ได้มีเยอะมาก เขาก็เลยอาจจะนัดเจอกันมาสังสรรค์กันที่ร้านกาแฟ ซึ่งก็เป็นภาพที่เราเห็นได้บ่อยๆเลยทีเดียวค่ะ อย่างมาเที่ยวจะเห็นคุณป้าหรือคุณลุงหลังจากที่ไปเดินเขากันมาแล้ว ก็จะมานั่งสังสรรค์ มานั่งคุยกันต่อที่ร้านกาแฟก็มีค่ะ
Orimos: ฟังดูน่าสนใจมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นรบกวนน้องต๊อปแนะนำร้านกาแฟหรือว่าคาเฟ่ Top 5 ที่ควรไปหน่อยได้ไหมคะ ?
Tob: ได้เลยค่ะ นี่ค่ะ
- Xiaomijo (號1樓, No. 37, Lane 308, Section 3, Heping East Road, Da’an District, Taipei City, 106)
ทีแรกตรงนี้จะเป็นที่ที่ต๊อบไปบ่อยเหมือนกันนะคะ เนื่องจากว่ามันไม่ไกลกับมหาวิทยาลัย อยู่แถบสายสีน้ำตาล แถวๆสถานี Liuzhangli
สไตล์จะเป็นกึ่งๆคาเฟ่เกาหลีนิดนึง จะมีตัวโปรเจคเตอร์คอยฉายเข้ากำแพง บรรยากาศจะเป็นลักษณะเงียบๆ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็คือจะเข้ามานั่งทำงาน

- THIRD FLOOR COFFEE 在三樓(3樓, No. 330號, Section 2, Bade Rd, Zhongshan District, Taipei City, 10491)
ที่นี่จะเป็นร้านที่เน้นให้คนเข้ามานั่งทำงานเลยค่ะ คือเหมือนว่าถ้าเราคุยเสียงดัง พนักงานเขาจะเดินเข้ามาตักเตือนเราทันที (หัวเราะ) ส่วนตัวเคยโดนกับเพื่อนมาครั้งหนึ่งแล้วค่ะ

- Afterhours (No. 117-1, Yanshou Street, Songshan District, Taipei City, 105)
ร้านนี้ก็อยู่แถวๆสายสีเหลืองค่ะ ร้านนี้มีเสิร์ฟอาหารคาวด้วยนะคะ เป็นที่นิยมแล้วก็คนเยอะใช้ได้เลยค่ะ ร้านก็จะเป็นสไตล์แนวกึ่งๆญี่ปุ่นนิดนึง โต๊ะไม้ น่ารักดี เราก็มีขายของเป็นพวกของใช้ในบ้านเล็กๆน้อยๆด้วยค่ะ

- 浮光書店(103, Taipei City, Datong District, Lane 47, Chifeng Street, 16號2樓)
จริงๆอันนี้เป็นร้านขายหนังสือค่ะ แถว Zhongshan เป็นอารมณ์ตึกแถวเล็กๆ ร้านอยู่บนชั้น 2 ร้านเล็กๆน่ารัก มีจำนวนโต๊ะไม่เยอะ แต่คนแน่นทุกครั้งที่ไปเลยค่ะ

- 5sense Cafe (116, Taipei City, Wenshan District, Alley 2, Lane 112, Section 3, Xinglong Road, 25號1樓)
ร้านนี้ก็ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ อยู่แถวๆโรงพยาบาล Wanfang ร้านนี้ก็คือเน้นให้คนเข้าไปทำงานค่ะ การตกแต่งอาจจะไม่มีอะไรมากมาย เพราะว่าเน้นการใช้งานมากกว่า

แต่ว่ายังไงก็ตามนะคะ ต้องขอพูดไว้ก่อนว่า ร้านกาแฟที่ไต้หวันจะราคาค่อนข้างแพงนิดนึง ถ้าเทียบกับสตาร์บัค ราคาจะสูงกว่าสตาร์บัคอยู่นิดนึงเหมือนกันค่ะ ช่วงราคาคือ 150 – 200 คือเน้นให้คนเข้าไปนั่งยาว แต่ว่าบางร้านถ้าสมมุติว่าขายดีมากๆ เขาก็จะจำกัดเวลาการนั่งเหมือนกันค่ะ เช่น ให้นั่งได้แค่ชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมง อันนี้ก็แล้วแต่ร้านค่ะ
Orimos: นอกจากคาเฟ่แล้วต๊อบชอบไปที่ไหนอีกไหมคะ ?
Tob: ตลาดกลางคืนก็ไปบ่อยค่ะ หรือบางทีถ้ามีอารมณ์สุนทรีย์ ก็จะไปพวกพิพิธภัณฑ์ศิลปะเหมือนกันค่ะ ที่ชอบเลยก็คือ Taipei Art Museum แถวๆ Zhongshan
Orimos: แล้วชอบไปตลาดกลางคืนอันไหนมากที่สุดคะ ?
Tob: ตลาด Meng Xia ค่ะ แถวๆวัด Longshan เพราะมีร้านข้าวต้มกับหมูแดงอร่อยค่ะ อีกอันคือ ตลาด Tonghua ใกล้ๆตึก 101 กันสถานี Liuzhangli ค่ะ ตลาดจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ว่ามีความเป็น Local สูงมากเลยค่ะ
Orimos: แล้วอย่างนี้เวลาคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาทำยังไงคะ ?
Tob: มีร้านอาหารไทยประจำเหมือนกันค่ะ อย่างตอนนี้ที่ฮิตๆเลยก็คือร้านพี่ตุ้ย ร้านส้มตำครกยักษ์ แถว Gongguan ตอนนี้ฮิตในหมู่นักศึกษาไทยมากเลยค่ะ ขายพวกส้มตำ ยำ ลาบ อะไรพวกนี้ เขามีเมนูพิเศษด้วยนะคะ อย่างเช่นพวกแกงอ่อมหรืออะไรพวกนี้อ่ะค่ะ แต่จะต้องสั่งล่วงหน้านะคะ
Orimos: พูดถึงการท่องเที่ยวในเกาะไต้หวันบ้างดีกว่าค่ะ ต๊อบไปที่ไหนมาแล้วบ้างแล้วชอบที่ไหนมากที่สุด ?
Tob: ถ้าแนวธรรมชาติเลยนะคะ ต๊อบชอบ Hualien มันสวยจริงๆค่ะ ลักษณะภูมิประเทศคือเป็นลักษณะที่หาไม่ได้ในประเทศไทย เราก็ไม่คิดว่าจะเจอที่ไต้หวันได้ด้วย
ถ้าในเมืองก็คือจะชอบเมืองไถจง เมืองไถจงมันจะมีลักษณะค่อนข้างใหม่กว่าเมืองไทเปนิดนึงค่ะ เพราะมันสร้างทีหลัง แถวนั้นก็มีธรรมชาติเหมือนกันนะคะ พวก Sun Moon Lake หรือฟาร์มแกะ อะไรประมาณนี้ค่ะ

Orimos: แล้วได้ข่าวมาว่าน้องต๊อบก็ฝึกงานหรือว่าทำงานพาร์ทไทม์ด้วยใช่ไหมคะ ?
Tob: ใช่ค่ะ ตอนนี้ฝึกงานอยู่ที่บริษัทชื่อ Shopline เขาเป็นเหมือน platform ในการทำเว็บไซต์ เสมอว่าเรามีร้านเราอยากขายของ แล้วก็สามารถมาเปิดร้านออนไลน์บน Shopline ได้ง่ายๆเลยค่ะ งานหลักๆของต๊อบก็จะเป็นพวก งานแปลเอกสารต่างๆให้กับลูกค้าคนไทยค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีคุยโต้ตอบกับลูกค้าคนไทยบ้างคะ
Orimos: แล้วชอบไหมคะ ฝึกงานที่องค์กรนี้ ?
Tob: ก็โอเคนะคะ ลักษณะมีวัฒนธรรมของ Start-up คนทำงานก็จะมีลักษณะเป็นวัยรุ่น หรือคนที่วัยใกล้เคียงกับเรา ค่อนข้างเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมสมัยใหม่ค่ะ ไม่ได้มีความไต้หวันจ๋าอะไรขนาดนั้นค่ะ
Orimos: เท่าที่ฟังมา ดูมีกิจกรรมในชีวิตมากเลยค่ะ แล้วอย่างนี้เราจัดสรรเวลาหรือว่าบาลานซ์เวลายังไงบ้างคะ ?
Tob: ก็ง่ายๆเลยค่ะ เอาเรื่องเรียนของเราเองเป็นหลักก่อน หลังจากนั้นถ้าเรามีเวลาว่าง เราก็ค่อยจัดสรรทำกิจกรรมในสิ่งที่เราอยากทำค่ะ ถ้ามีเวลาเหลือนะคะ อย่างบางเทอมต๊อบทำทุกอย่างเลยนะคะ ทั้งเรียนปกติ เรียนภาษาจีน แล้วก็ฝึกงาน มันก็เหนื่อยหน่อย ต่อมาจะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ลิมิตของเรามันอยู่ตรงไหน สุดท้ายแล้วจริงๆแล้วก็ได้เรียนรู้ว่า ลิมิตของเราจริงๆแล้วมันก็กว้างเหมือนกันนะ เราก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่างเหมือนกันค่ะ มันอยู่ที่ว่าเรานั้นจัดการหรือบริหารตัวเองยังไงนะคะ

Orimos: สุดท้ายแล้วค่ะ ขอให้น้องต๊อบช่วยบอกสิ่งที่ชอบที่สุดในไต้หวันมา 1 ข้อหน่อย ?
Tob: น่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทางหรือว่าการคมนาคมในไต้หวันนะคะ หลายๆคนก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนตัวต๊อบเองก็ชอบเหมือนกันค่ะ เพราะว่าไม่ว่าเราจะอยากไปที่ไหน เราก็สามารถไปได้หมดเลยค่ะ โดยที่ไม่ต้องมีรถส่วนตัว เพราะว่ามีทั้งรถไฟฟ้าแล้วก็รถเมล์

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับเนื้อหาที่นำมาฝากกันวันนี้ ถ้าใครอยากมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในไต้หวันดีๆแบบพี่ต๊อบแล้วละก็ สามารถลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับทางโอริมอสได้เลยนะคะ พวกเรายินดีมากๆ คิดถึงการเรียนต่อไต้หวัน คิดถึงโอริมอสนะคะ
No Comments