เรียน ทำงาน เที่ยว ชิล ณ​ ไทเป ประสบความสำเร็จในทุกๆด้านไปกับคุณต๊อบ

เรียน ทำงาน เที่ยว ชิล ณ​ ไทเป ประสบความสำเร็จในทุกๆด้านไปกับคุณต๊อบ

วันนี้เรามีน้องต๊อบ ผู้ที่เป็น Cafe-hopper ตัวยงที่ตอนนี้อยู่และทำงานในไทเปนะคะ ใครอยากรู้ว่าชีวิตในไต้หวันเป็นอย่างไรบ้าง ลองเข้ามาอ่านดูกันได้เลยค่ะ !!

Orimos: รบกวนน้องต๊อบแนะนำตัวนิดนึงจ้า ?

Tob: ได้ค่ะ ซื้อต๊อบนะคะ ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ หรือที่เรียกว่า IMBA นะคะ ที่มหาวิทยาลัย NCCU ค่ะ ส่วนตอนเรียนปริญญาตรี เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วตอนหลังเรียนจบปริญญาตรีก็เริ่มทำงานเลยค่ะ ทำได้ประมาณ 4-5 ปี เราก็รู้สึกว่าเราอาจจะต้องเริ่มทำอะไรใหม่บางอย่าง ก็เลยเริ่มคิดที่จะเรียนปริญญาโทต่อค่ะ ตอนนั้นก็คิดหนักเหมือนกันค่ะ ว่าจะเรียนที่ไทยหรือจะเรียนที่ต่างประเทศดี คือเรียนที่ไทยมันก็มีข้อดีนะคะ เราสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ แต่ว่าก็ไม่ได้อยากจะมีชีวิตแบบนั้นเนาะ ก็เลยตัดสินใจมาเรียนต่อต่างประเทศค่ะ และประเทศที่เลือกก็คือไต้หวันค่ะ

Orimos: งั้นรบกวนถามนิดนึงค่ะ น้องต๊อบเคยทำงานสายไหนมาก่อนเหรอคะ ?

Tob: อ๋อเป็น product and service management ในบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งค่ะ ทำมาที่นี่ประมาณ 3 ปีครึ่งค่ะ แต่ว่าประสบการณ์ทำงานโดยรวมคือประมาณ 5-6 ปีค่ะ 

Orimos: ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจเลือกมาเรียนต่อที่ไต้หวันคะ ?

Tob: จริงๆตอนนั้นต๊อบมี 2 ตัวเลือกในใจ คือไต้หวันกับเยอรมัน แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าขั้นตอนการสมัครเรียนต่อที่เยอรมันมีความยุ่งยากนิดนึง ประกอบกับเราเคยมาเที่ยวไต้หวันแล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่าไต้หวันแจกทุนค่อนข้างเยอะ ก็เลยตัดสินใจมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ 

อีกเรื่องหนึ่ง น่าจะเป็นในเรื่องของระยะทางด้วยค่ะ คือถ้าสมมุติเราคิดถึงบ้านหรือว่าถ้าทางบ้านอยากมาเยี่ยม มันก็สามารถเดินทางได้ค่อนข้างง่าย และเรามีโอกาสที่จะได้เรียนภาษาที่ 3 ก็คือภาษาจีนด้วย แล้วต๊อบคิดว่าภาษาจีนในปัจจุบันนี้มันค่อนข้างมีประโยชน์มากค่ะ 

Orimos: แล้วน้องต๊อบเคยทำงานที่บริษัทญี่ปุ่นมา ไม่คิดจะไปเรียนต่อญี่ปุ่นบ้างเหรอคะ ?

Tob: ส่วนตัวต๊อบไม่ค่อยอินกับภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเท่าไหร่ค่ะ คือที่บริษัทก็เคยให้เราไปเรียนภาษาญี่ปุ่นนะคะ แต่พอได้ลองแล้ว รู้สึกว่าไม่ค่อยอินเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยสนใจวัฒนธรรมของเขาด้วย ประกอบกับวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเหมาะกับตัวของเราเท่าไหร่ด้วยค่ะ คือถ้าไปเที่ยวอ่ะได้ แต่ว่าถ้าจะให้ไปอยู่นานๆ ขอไม่ดีกว่าค่ะ 

Orimos: ในแง่ของการเรียนที่ไต้หวัน น้องต๊อบมีส่วนไหนที่ประทับใจที่สุดคะ ?

Tob: ส่วนตัวประทับใจในแง่ของ facility ที่คณะ imba มีให้ค่ะ เอาง่ายๆเลยคือห้องเรียนค่อนข้างเลิศหรูอลังการเลยนะคะ มันก็ค่อนข้างคุ้มค่ากับค่าเทอมที่เราเสียไปเหมือนกันค่ะ ประกอบกับตัวอาจารย์ผู้สอนเอง แล้วก็ตัวศิษย์เก่าที่เราจะมี Connection กับเขาด้วย มันก็ค่อนข้างคุ้มค่าที่จะลงทุนกับตรงนี้ และตัวเพื่อนหรือว่า classmate ก็ค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ 

Orimos: แล้วอย่างนี้น้องต๊อบเรียนภาษาจีนไปด้วย เรียนโทไปด้วย มีการจัดการเวลาที่ยากลำบากไหมคะ ?

Tob: พูดจริงๆตอนแรกๆก็ค่อนข้างขรุขระเหมือนกันค่ะ เหมือนช่วงแรกมันเป็นช่วงปรับตัวของเรา แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าระดับปริญญาโทเนี่ย เขาเรียนหนักกันขนาดไหน คือเรียนภาษาจีนเต็มเวลาตั้งแต่เทอมแรกเลยค่ะ ตอนนั้นก็เลยสาหัสเหมือนกัน เราก็เลยหยุดเรียนภาษาจีนไปก่อน จากนั้นพอเราเริ่มปรับตัวได้แล้วและสามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น  แล้วค่อยมาเรียนภาษาจีนอีกรอบนึงค่ะ 

Orimos: แล้วเวลาว่างๆต๊อบชอบทำอะไรที่ไทเปบ้างคะ ?

Tob: ส่วนตัวชอบไปเดินดูเมือง ไปเดินช็อปปิ้ง ส่วนของที่เราชอบไปที่สุดน่าจะเป็นในเขตของ Dunhua ค่ะ มีแหล่งเสื้อผ้าแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นค่อนข้างเยอะค่ะ จะมีความแตกต่างจาก Ximending อยู่เหมือนกัน ตรงนั้นจะเป็นลักษณะของนักท่องเที่ยวซะมากกว่า นอกจากนั้นก็เดินดูคนค่ะ

Orimos: มีแนะนำไหมคะว่าจุดไหนที่ไปดูคน แล้วคนแซ่บที่สุด ?

Tob: (หัวเราะ) น่าจะเขต Xinyi อ่ะค่ะ หรือแถวๆตึก 101 แถวนั้นมีคนทำงานเยอะ 

Orimos: ได้ข่าวมาว่าน้องต๊อบนี้เป็นคาเฟ่ฮอปเปอร์โดยตัวยงเลยนะคะ เล่าให้ฟังอีกหนึ่งได้ไหมคะว่าที่ไทเปหรือในไต้หวัน วัฒนธรรมคาเฟ่ของเขาเป็นยังไงบ้าง ?

Tob: ที่นี่จะมีร้านกาแฟหรือว่าคาเฟ่เยอะมากเลยนะคะ เพราะปกติที่ไต้หวันเนี่ยเขาจะมีวัฒนธรรมการดื่มชาอยู่แล้วนะคะ พอกาแฟเข้ามาก็เลยยิ่งเป็นที่นิยมเข้าไปด้วย แล้วที่สำคัญก็คือคนที่เข้ามานั่งในร้านกาแฟหรือคาเฟ่เนี่ยเป็นคนทุกวัยเลยทีเดียว เพราะว่าถ้าเป็นที่เมืองไทยส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นอกจากนั้นร้านคาเฟ่ในไทเปเนี่ยพูดเลยว่าคนแน่นแล้วก็คนเยอะทุกวันค่ะ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเขาเลยทีเดียวค่ะ

อีกเหตุผลใหญ่อันนึงเลยก็คือ บ้านในไทเปส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านลักษณะเล็กๆหรือว่าเป็นลักษณะคอนโดเหมือนที่เมืองไทยนะคะ เพราะฉะนั้นพื้นที่อาจจะไม่ได้มีเยอะมาก เขาก็เลยอาจจะนัดเจอกันมาสังสรรค์กันที่ร้านกาแฟ ซึ่งก็เป็นภาพที่เราเห็นได้บ่อยๆเลยทีเดียวค่ะ อย่างมาเที่ยวจะเห็นคุณป้าหรือคุณลุงหลังจากที่ไปเดินเขากันมาแล้ว ก็จะมานั่งสังสรรค์ มานั่งคุยกันต่อที่ร้านกาแฟก็มีค่ะ 

Orimos: ฟังดูน่าสนใจมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นรบกวนน้องต๊อปแนะนำร้านกาแฟหรือว่าคาเฟ่ Top 5 ที่ควรไปหน่อยได้ไหมคะ ?

Tob: ได้เลยค่ะ นี่ค่ะ

  1. Xiaomijo (號1樓, No. 37, Lane 308, Section 3, Heping East Road, Da’an District, Taipei City, 106)

ทีแรกตรงนี้จะเป็นที่ที่ต๊อบไปบ่อยเหมือนกันนะคะ เนื่องจากว่ามันไม่ไกลกับมหาวิทยาลัย อยู่แถบสายสีน้ำตาล แถวๆสถานี Liuzhangli 

สไตล์จะเป็นกึ่งๆคาเฟ่เกาหลีนิดนึง จะมีตัวโปรเจคเตอร์คอยฉายเข้ากำแพง บรรยากาศจะเป็นลักษณะเงียบๆ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็คือจะเข้ามานั่งทำงาน 

  1. THIRD FLOOR COFFEE 在三樓(3樓, No. 330號, Section 2, Bade Rd, Zhongshan District, Taipei City, 10491)

ที่นี่จะเป็นร้านที่เน้นให้คนเข้ามานั่งทำงานเลยค่ะ คือเหมือนว่าถ้าเราคุยเสียงดัง พนักงานเขาจะเดินเข้ามาตักเตือนเราทันที (หัวเราะ) ส่วนตัวเคยโดนกับเพื่อนมาครั้งหนึ่งแล้วค่ะ 

  1. Afterhours (No. 117-1, Yanshou Street, Songshan District, Taipei City, 105)

ร้านนี้ก็อยู่แถวๆสายสีเหลืองค่ะ ร้านนี้มีเสิร์ฟอาหารคาวด้วยนะคะ เป็นที่นิยมแล้วก็คนเยอะใช้ได้เลยค่ะ ร้านก็จะเป็นสไตล์แนวกึ่งๆญี่ปุ่นนิดนึง โต๊ะไม้ น่ารักดี เราก็มีขายของเป็นพวกของใช้ในบ้านเล็กๆน้อยๆด้วยค่ะ 

  1. 浮光書店(103, Taipei City, Datong District, Lane 47, Chifeng Street, 16號2樓)

จริงๆอันนี้เป็นร้านขายหนังสือค่ะ แถว Zhongshan เป็นอารมณ์ตึกแถวเล็กๆ ร้านอยู่บนชั้น 2 ร้านเล็กๆน่ารัก มีจำนวนโต๊ะไม่เยอะ แต่คนแน่นทุกครั้งที่ไปเลยค่ะ 

  1. 5sense Cafe (116, Taipei City, Wenshan District, Alley 2, Lane 112, Section 3, Xinglong Road, 25號1樓)

ร้านนี้ก็ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ อยู่แถวๆโรงพยาบาล Wanfang ร้านนี้ก็คือเน้นให้คนเข้าไปทำงานค่ะ การตกแต่งอาจจะไม่มีอะไรมากมาย เพราะว่าเน้นการใช้งานมากกว่า 

แต่ว่ายังไงก็ตามนะคะ ต้องขอพูดไว้ก่อนว่า ร้านกาแฟที่ไต้หวันจะราคาค่อนข้างแพงนิดนึง ถ้าเทียบกับสตาร์บัค ราคาจะสูงกว่าสตาร์บัคอยู่นิดนึงเหมือนกันค่ะ ช่วงราคาคือ 150 – 200 คือเน้นให้คนเข้าไปนั่งยาว แต่ว่าบางร้านถ้าสมมุติว่าขายดีมากๆ เขาก็จะจำกัดเวลาการนั่งเหมือนกันค่ะ เช่น ให้นั่งได้แค่ชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมง อันนี้ก็แล้วแต่ร้านค่ะ 

Orimos: นอกจากคาเฟ่แล้วต๊อบชอบไปที่ไหนอีกไหมคะ ?

Tob: ตลาดกลางคืนก็ไปบ่อยค่ะ หรือบางทีถ้ามีอารมณ์สุนทรีย์ ก็จะไปพวกพิพิธภัณฑ์ศิลปะเหมือนกันค่ะ ที่ชอบเลยก็คือ Taipei Art Museum แถวๆ Zhongshan 

Orimos: แล้วชอบไปตลาดกลางคืนอันไหนมากที่สุดคะ ?

Tob: ตลาด Meng Xia ค่ะ แถวๆวัด Longshan เพราะมีร้านข้าวต้มกับหมูแดงอร่อยค่ะ อีกอันคือ ตลาด Tonghua ใกล้ๆตึก 101 กันสถานี Liuzhangli ค่ะ ตลาดจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ว่ามีความเป็น Local สูงมากเลยค่ะ 

Orimos: แล้วอย่างนี้เวลาคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาทำยังไงคะ ?

Tob: มีร้านอาหารไทยประจำเหมือนกันค่ะ อย่างตอนนี้ที่ฮิตๆเลยก็คือร้านพี่ตุ้ย ร้านส้มตำครกยักษ์ แถว Gongguan ตอนนี้ฮิตในหมู่นักศึกษาไทยมากเลยค่ะ ขายพวกส้มตำ ยำ ลาบ อะไรพวกนี้ เขามีเมนูพิเศษด้วยนะคะ อย่างเช่นพวกแกงอ่อมหรืออะไรพวกนี้อ่ะค่ะ แต่จะต้องสั่งล่วงหน้านะคะ 

Orimos: พูดถึงการท่องเที่ยวในเกาะไต้หวันบ้างดีกว่าค่ะ ต๊อบไปที่ไหนมาแล้วบ้างแล้วชอบที่ไหนมากที่สุด ?

Tob: ถ้าแนวธรรมชาติเลยนะคะ ต๊อบชอบ Hualien มันสวยจริงๆค่ะ ลักษณะภูมิประเทศคือเป็นลักษณะที่หาไม่ได้ในประเทศไทย เราก็ไม่คิดว่าจะเจอที่ไต้หวันได้ด้วย 

ถ้าในเมืองก็คือจะชอบเมืองไถจง เมืองไถจงมันจะมีลักษณะค่อนข้างใหม่กว่าเมืองไทเปนิดนึงค่ะ เพราะมันสร้างทีหลัง แถวนั้นก็มีธรรมชาติเหมือนกันนะคะ พวก Sun Moon Lake หรือฟาร์มแกะ อะไรประมาณนี้ค่ะ 

Orimos: แล้วได้ข่าวมาว่าน้องต๊อบก็ฝึกงานหรือว่าทำงานพาร์ทไทม์ด้วยใช่ไหมคะ ?

Tob: ใช่ค่ะ ตอนนี้ฝึกงานอยู่ที่บริษัทชื่อ Shopline เขาเป็นเหมือน platform ในการทำเว็บไซต์ เสมอว่าเรามีร้านเราอยากขายของ แล้วก็สามารถมาเปิดร้านออนไลน์บน Shopline ได้ง่ายๆเลยค่ะ งานหลักๆของต๊อบก็จะเป็นพวก งานแปลเอกสารต่างๆให้กับลูกค้าคนไทยค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีคุยโต้ตอบกับลูกค้าคนไทยบ้างคะ 

Orimos: แล้วชอบไหมคะ ฝึกงานที่องค์กรนี้ ?

Tob: ก็โอเคนะคะ ลักษณะมีวัฒนธรรมของ Start-up คนทำงานก็จะมีลักษณะเป็นวัยรุ่น หรือคนที่วัยใกล้เคียงกับเรา ค่อนข้างเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมสมัยใหม่ค่ะ ไม่ได้มีความไต้หวันจ๋าอะไรขนาดนั้นค่ะ 

Orimos: เท่าที่ฟังมา ดูมีกิจกรรมในชีวิตมากเลยค่ะ แล้วอย่างนี้เราจัดสรรเวลาหรือว่าบาลานซ์เวลายังไงบ้างคะ ?

Tob: ก็ง่ายๆเลยค่ะ เอาเรื่องเรียนของเราเองเป็นหลักก่อน หลังจากนั้นถ้าเรามีเวลาว่าง เราก็ค่อยจัดสรรทำกิจกรรมในสิ่งที่เราอยากทำค่ะ ถ้ามีเวลาเหลือนะคะ อย่างบางเทอมต๊อบทำทุกอย่างเลยนะคะ ทั้งเรียนปกติ เรียนภาษาจีน แล้วก็ฝึกงาน มันก็เหนื่อยหน่อย ต่อมาจะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ลิมิตของเรามันอยู่ตรงไหน สุดท้ายแล้วจริงๆแล้วก็ได้เรียนรู้ว่า ลิมิตของเราจริงๆแล้วมันก็กว้างเหมือนกันนะ เราก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่างเหมือนกันค่ะ มันอยู่ที่ว่าเรานั้นจัดการหรือบริหารตัวเองยังไงนะคะ 

Orimos: สุดท้ายแล้วค่ะ ขอให้น้องต๊อบช่วยบอกสิ่งที่ชอบที่สุดในไต้หวันมา 1 ข้อหน่อย ?

Tob: น่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทางหรือว่าการคมนาคมในไต้หวันนะคะ หลายๆคนก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนตัวต๊อบเองก็ชอบเหมือนกันค่ะ เพราะว่าไม่ว่าเราจะอยากไปที่ไหน เราก็สามารถไปได้หมดเลยค่ะ โดยที่ไม่ต้องมีรถส่วนตัว เพราะว่ามีทั้งรถไฟฟ้าแล้วก็รถเมล์ 

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับเนื้อหาที่นำมาฝากกันวันนี้ ถ้าใครอยากมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในไต้หวันดีๆแบบพี่ต๊อบแล้วละก็ สามารถลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับทางโอริมอสได้เลยนะคะ พวกเรายินดีมากๆ คิดถึงการเรียนต่อไต้หวัน คิดถึงโอริมอสนะคะ

ฟรี! ติดต่อเราเพื่อเข้ารับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Orimos P'Kong
orimos.education@gmail.com

อดีตนักเรียนทุนรัฐบาลไต้หวัน TaiwanICDF ปี 2018-2020 คณะ IMBA NCCU Business School ชั้นนำของไต้หวัน และเป็นอดีตประธานนักเรียนประจำรุ่นของ IMBA NCCU 2019-2020 เคยศึกษากฎหมายระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน (เกียรตินิยม) ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรนิยมอันดับหนึ่ง

No Comments

Post A Comment