สุด exclusive! กับการรีวิวชีวิตเด็กทุน MOE คุณเฟิร์นแห่ง GMBA NTU เผยเคล็ดลับทุกเม็ด!

สุด exclusive! กับการรีวิวชีวิตเด็กทุน MOE คุณเฟิร์นแห่ง GMBA NTU เผยเคล็ดลับทุกเม็ด!

โอริมอสของเราไม่เคยมาตราฐานตกในการนำเสนอข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการเรียนต่อไต้หวัน 🙂 วันนี้มาพบกับคุณเฟิร์น นักเรียนทุน MOE ที่คว้าดีกรี GMBA NTU มาอย่างสวยงามกัน !

Orimos: รบกวนน้องเฟิร์นแนะนำตัวนิดนึง ก่อนไปไต้หวัน background เป็นยังไง ไปเรียนอะไรที่ไต้หวัน แล้วตอนนี้กลับมาเมืองไทยแล้วนานหรือยัง ?

Fern: ชื่อเฟิร์นนะคะ ธัญธรณ์ คุณาพรสุจริต ก่อนไปเรียนที่ไต้หวันเฟิร์นทำงานเป็น consultant ที่ EY แล้วก็ทำงานมาพักนึงแล้วนะคะ ก็เลยมีความคิดว่าอยากจะไปเรียนต่อ ตอนนั้นคือตัดประเทศอังกฤษประเทศแรกเลยค่ะ เพราะว่ามีเพื่อนไปเรียนเยอะมากแล้วค่อนข้างเกร่อ ที่นี้เราก็อยากจะได้ภาษาที่สามด้วยนะคะ นั่นก็คือภาษาจีนนั่นเอง เพราะว่ามันจะทำให้เราได้เปรียบเวลาทำงาน เฟิร์นก็เลยมีตัวเลือกเป็นจีนหรือไต้หวัน 

ตอนนั้นปีใหม่ปี 2017 เฟิร์นไปเที่ยวไต้หวันช่วงปีใหม่กับที่บ้านพอดีนะคะ ตอนนั้นเฟิร์นจำได้เลยค่ะ เฟิร์นไปเที่ยวอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค เฟิร์นบอกกับแม่เลยว่า เฟิร์นอยู่ที่แห่งนี้ได้แน่นอน พอกลับมาไทยเฟิร์นก็เริ่มยื่นเอกสารสมัครเลยค่ะ 

Orimos: ตอนนั้นน้องเฟิร์นเริ่มทำงานมาประมาณกี่ปีแล้วคะ ?

Fern: ตอนนั้นทำมาได้ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น GMBA ของ NTU จะต้องการประสบการณ์ทำงานขั้นต่ำ 1 ปี แต่ว่าตอนนี้อาจจะต้องกลับไปเช็คอีกทีนึงนะคะว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปหรือยัง (Orimos: ตอนนี้ 2 ปีอย่างต่ำค่ะ)

Orimos: ช่วยเล่าเกี่ยวกับคณะที่ไปเรียนต่อที่ไต้หวันให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ?

Fern: เป็นคณะ Global MBA ที่ National Taiwan University ค่ะ ก็คือเพื่อนร่วมชั้นก็จะมีทั้งเด็กไต้หวันแล้วก็เด็กต่างชาติมาเรียนร่วมกันนะคะ เด็กไต้หวันจะเป็นเด็กที่เขาเคยไปอยู่เมืองนอกมาก่อนซะส่วนใหญ่ด้วยค่ะ มีวัฒนธรรมหลากหลายมากๆ มีเพื่อนๆมาจากประเทศหลากหลายทั่วโลกจริงๆค่ะ ใช้เวลาเรียนทั้งหมดประมาณ 2 ปีค่ะ 

Orimos: แล้วหลังจากเรียนจบน้องเฟิร์นก็คือกลับมาเมืองไทยเลยใช่ไหมคะ ?

Fern: ใช่ค่ะ กลับมาประมาณปี 2019 กลับมาเมืองไทยเฟิร์นก็มาทำงานเป็น consultant เหมือนเดิมค่ะ 

Orimos: แล้วตอนที่น้องเฟิร์นเรียน MBA ที่ไต้หวัน นอกจากเรียนแล้วน้องเฟิร์น ได้ทำอย่างอื่นอีกด้วยไหมคะ ?

Fern: จริงๆนอกจากคอร์สเรียน เฟิร์นก็จะเน้นไปเรียนภาษาจีนซะส่วนใหญ่ นอกจากนั้นถ้าคณะมีกิจกรรมอะไรเฟิร์นก็มักจะไปร่วมเช่นกันค่ะ กิจกรรมที่ชอบก็คือ Dragon Boat คล้ายๆกิจกรรมพายเรือหางยาวบ้านเราค่ะ นอกจากนั้นคณะก็มีกิจกรรมให้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศเกาหลี ช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งเฟิร์นก็ร่วมหมดเลยค่ะ

Orimos: เมื่อกี้น้องเฟิร์นกล่าวมาแล้วนิดนึงนะว่า หนึ่งในเหตุผลที่น้องเฟิร์นเลือกไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ก็เพราะว่าอยากที่จะสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง เพราะการมาเรียนที่ไต้หวันก็คือมีโอกาสได้เรียนภาษาจีนด้วย แต่ตอนนั้นที่น้องเฟิร์นตัดตัวเลือกจีนแผ่นดินใหญ่ออกไปเนี่ย น้องเฟิร์นพอเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร ?

Fern: จริงๆเลยคือเฟิร์นชอบสำเนียงของไต้หวัน แล้วไต้หวันสะอาด ผู้คนก็ดูมีอัธยาศัยคล้ายคนไทย ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมี culture shock มาก อาจจะต้องมีปรับตัวนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ 

Orimos: ถ้าฟังสำเนียงออกแบบนี้ แสดงว่าน้องเฟิร์นก็คือมีพื้นฐานการเรียนภาษาจีนมานิดนึงเหมือนกันใช่ไหมคะ ?

Fern: จริงๆเคยเรียนที่โรงเรียนมานิดนึงค่ะ เรียนภาษาจีนกลางที่เตรียมอุดมค่ะ 

Orimos: แล้วที่น้องเคยบอกว่าสมัครทุน MOE กับสมัครคณะที่เรียนไปด้วยเนี่ยนะคะ ตอนนั้นสมัครที่เดียวเลยหรือเปล่า หรือว่าสมัครที่อื่นไปด้วย ?

Fern: จริงๆสมัครไป 2 มหาลัยนะคะ คือทุน MOE เนี่ยเขาจะให้สมัคร 2 มหาวิทยาลัย แต่คือเฟิร์นติดมหาลัยที่เลือกอันดับแรก หรือ NTU นะคะ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้มีปัญหากับการที่ต้องไปเลือกอันดับที่ 2 

Orimos: น้องเฟิร์นช่วยอธิบายขั้นตอนการสมัครทุน MOE คร่าวๆให้ฟังได้ไหมคะ 

Fern: คือต้องสมัครทุนกับสมัครมหาวิทยาลัยแยกกันนะคะ แล้วก็ทุน MOE เนี่ยเขาจะมีรอบยื่นเอกสารกับรอบสัมภาษณ์ ถ้าผ่านการยื่นเอกสารแล้วเขาก็จะเรียกสัมภาษณ์ค่ะ ตอนรุ่นเฟิร์นกรรมการที่สัมภาษณ์มีประมาณ 3 คนค่ะ คนที่ผ่านมารอบสัมภาษณ์ก็มีจำนวนหนึ่งเช่นกันค่ะ 

Orimos: ปกติทุน MOE ปีหนึ่งได้ประมาณกี่คนคะ ?

Fern: ประมาณ 10 คน รวมทุกคณะค่ะ อันนี้เฉพาะประเทศไทยนะคะ แต่กระซิบบอกก่อนเลยว่าปกติโควต้าของคณะ mba จะค่อนข้างน้อย 

Orimos: โดยส่วนตัวน้องเฟิร์นว่าทุนนี้ได้ยากไหมคะ ?

Fern: จริงๆมันก็ขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่างนะคะว่าจะได้ไม่ได้ มันก็พูดค่อนข้างยากว่าการได้มามันยากหรือเปล่า เพราะว่าถ้าในปีนั้นดันมีคนที่คุณสมบัติที่เพียบพร้อมกว่าเรา เราก็อาจจะไม่ได้ก็ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เก่งหรืออะไรอย่างนี้นะคะ คือมันต้องมีทั้งความสามารถและพกดวงไปด้วยค่ะ 

Orimos: แล้วน้องเฟิร์นคิดว่าส่วนไหนคะที่ทำให้น้องเฟิร์นได้รับทุนนี้ไป ?

Fern: เฟิร์นคิดว่าตอนช่วงสัมภาษณ์นะคะ คือต้องมีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แสดงความตั้งใจอย่างแท้จริงให้เขาเห็นว่าเราอยากจะไปจริงๆ แล้วการไปเรียนของเรามันจะมีผลดียังไงทั้งต่อประเทศไทยและไต้หวัน 

Orimos: แต่ว่าก่อนที่จะผ่านไปถึงรอบสัมภาษณ์นี้นะคะ น้องเฟิร์นมีเคล็ดลับในการเตรียมเอกสารอะไรบ้างให้เอกสารของเรานั้นโดดเด่น ?

Fern: เฟิร์นคิดว่า เวลาตอบคำถาม ควรจะต้องตอบให้ตรงประเด็น กระชับ และเข้าใจง่าย เพราะต้องเข้าใจนะคะว่าเขาน่าจะต้องพิจารณาใบสมัครจำนวนมาก เพราะฉะนั้นคนที่สามารถสื่อสารได้อย่างดีที่สุด ก็มักจะโดนใจคณะกรรมการมากกว่าค่ะ 

ส่วนตัวเฟิร์นคิดว่าการเตรียมเอกสารนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยากเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ทำงานเต็มเวลา เพราะฉะนั้นหากมีคนช่วยทำก็น่าจะดีมากๆเลยค่ะ เพราะนอกจากเขาจะช่วยประหยัดเวลาของเราแล้ว เขาอาจจะยังช่วยในเรื่องของความพร้อมของเอกสารของเราด้วยเช่นกันค่ะ 

Orimos: เป็นคำแนะนำที่ดีมากเลยค่ะ ถามต่อว่า ตอนนั้นน้องเฟิร์นติดทุนเนี่ยเป็นตัวจริงเลยใช่ไหมคะ ?

Fern: จริงๆเฟิร์นติดสำรองอันดับหนึ่งนะคะ คือพูดตรงๆว่า เราคิดว่าเราก็ค่อนข้างดวงดีมากเหมือนกัน (หัวเราะ) อย่างเช่นปีก่อนเฟิร์นนี่นะคะ ตัวสำรองถึงระดับ 3-4 ก็ยังติดเหมือนกันค่ะ แต่รุ่นเฟิร์น ติดเฉพาะสำรองอันดับหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพราะรุ่นก่อนเฟิร์นเนี่ยไต้หวันตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ยังไม่ค่อยบูมยังไม่ค่อยมีใครสนใจมากนะคะ มันเพิ่งจะเริ่มมาเป็นที่สนใจมากขึ้นนั่นก็คือรุ่นเฟิร์นเป็นต้นไปค่ะ แล้วตอนที่เขาบอกว่าเฟิร์นได้นะคะ คือ 1 อาทิตย์ก่อนเดินทางไปไต้หวันค่ะ เพราะตอนนั้นมีคนสละสิทธิ์พอดี 

Orimos: ดวงดีจริงๆด้วยค่ะ (หัวเราะ) แล้วถามต่ออีกนึกว่าทุน MOE เนี่ยให้อะไรบ้างค่ะ ?

Fern: ก็จะมีเงินเดือนเดือนละประมาณ 20,000 NTD นะคะ นอกจากนั้นก็จะมีค่าเทอมค่าเทอมจะช่วยเทอมละ 40,000 NTD ค่ะ 

แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่าในส่วนของค่าเทอมเนี่ย จะไม่ครอบคลุมทั้งหมดของคณะที่เฟิร์นเรียนนะ เพราะ GMBA ของ NTU เนี่ยค่าเทอมจะค่อนข้างแพงนิดนึงเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้วเฟิร์นว่าถูกกว่าที่เมืองไทยนะคะสำหรับการเรียน mba ที่เป็นภาคภาษาอังกฤษ 

แต่ว่าก็ต้องถือว่าทุนเนี่ยก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายของเฟิร์นไปได้เยอะเหมือนกันนะคะ ถ้าจะคำนวณกันจริงๆก็ช่วยได้ประมาณครึ่งนึงของค่าใช้จ่ายทั้งหมดเลยทีเดียว 

Orimos: นักเรียนทุน MOE มีสิทธิพิเศษหรือว่ามีการดูแลเฉพาะบ้างไหมคะ ?

Fern: เอาจริงๆเลยนะคะ ถ้าของ MOE ไม่มีค่ะ ต้องดูแลตัวเอง (หัวเราะ) เพราะว่ามันก็เป็นของหน่วยงานของรัฐนะคะ แต่ว่าถ้าสมมุติว่าเรามีปัญหาก็สามารถติดต่อเขาไปได้แหละ ส่วนมหาลัยของเฟิร์นหรือว่า NTU ก็มีส่วนที่ดูแลนักเรียนทุน MOE เฉพาะเช่นกันค่ะ 

จริงๆเฟิร์นว่าทุน MOE ก็ถือว่าเป็นทุนที่ดีนะคะก็อย่างน้อยก็ช่วยเซฟในเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเหมือนกัน แต่ว่าถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นชื่อ NTU เท่านั้น เฟิร์นคิดว่า ICDF ก็น่าสนใจกว่าค่ะ (หัวเราะ) เพราะครอบคลุมเยอะจริงๆ

แต่จริงๆสำหรับ NTU นะคะ ถ้าไม่ได้ทุน MOE ก็ยังมีทุนอื่นๆอีกเหมือนกัน อย่างเช่น ทุนของมหาวิทยาลัยเอง ลองไปหาข้อมูลดูได้ค่ะ 

Orimos: แล้วตอนที่น้องเฟิร์นเรียนที่ GMBA ของ NTU เนี่ย น้องเฟิร์นชอบอะไรมากที่สุดของคณะหรือมหาลัย ?

Fern: น่าจะเป็นเรื่องของสังคมนะคะ เพราะว่ามันหลากหลายมาก และหายากในประเทศไทย แล้วมีความหลากหลายนะคะ กิจกรรมต่างๆในคณะมันก็จะมีความแตกต่างกันมากขึ้นไปอีก ทำให้มันน่าสนใจมากกว่าเดิม 

เอาจริงๆคนที่ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทในวิชาบริหารธุรกิจนี้นะคะ อย่างตัวเองเนี่ย คืออยากได้พวกเรื่องประสบการณ์ชีวิตหรือ การปรับตัวกับสังคมชาวต่างชาติอะไรอย่างนี้มากกว่าค่ะ ซึ่งตรงนี้พูดเลยว่ามันตอบโจทย์มากๆ 

ส่วนในเรื่องของวิชาการ มันก็พอได้ แต่มันจะไม่ได้เหมือนตอนที่เราเรียนปริญญาตรี คือมันจะไม่ได้เป็นแนวทฤษฎีอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าจะเน้นพูดคุยถกเถียงกันมากกว่า มันจะเป็นการเน้นฝึกการคิดวิเคราะห์ให้เราซะส่วนใหญ่ 

Orimos: แล้วเรียน GMBA ของ NTU ยากไหมคะ ?

Fern: พูดจริงๆนะคะ ที่ไทยน่าจะยากกว่า (หัวเราะ) เพราะว่าเฟิร์นจบ BBA ของจุฬามานะคะ คือมันไม่ได้เป็นการเปลี่ยนสายใหม่ ส่วนตัวเฟิร์นก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก 

ส่วนที่ยากน่าจะเป็นในแง่ของวิธีการเรียนแบบใหม่มากกว่า เพราะว่าเขาจะเน้นการถกเถียงพูดคุยมากกว่าการนั่งฟังเฉยๆ อย่างเช่นเวลาเราแสดงความเห็นในบางอย่างในห้องเรียน เพื่อนฝรั่งเราบางทีเขาถ้าเขาไม่เห็นด้วย เขาก็จะถกเถียงกับเราทันทีเลยค่ะ ซึ่งตรงนี้คนไทยหลายคนอาจจะยังไม่ชิน คิดไปเองว่าอาจจะเป็นการหักหน้าหรือเปล่า แต่จริงๆคือจบคลาสก็คือจบค่ะ 

Orimos: แล้วถ้าจะสมัครให้ติดขนาด GMBA ของ NTU เนี่ย เฟิร์นคิดว่าสมัครติดยากไหมคะ ?

Fern: เฟิร์นว่าไม่ยากนะคะ ถ้าคุณสมบัติและเอกสารของเราครบ โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสาร ถ้าไม่มั่นใจอาจจะให้คนอื่นช่วยได้นะคะ 

Orimos: พูดเรื่องการใช้ชีวิตที่ไต้หวันบ้างดีกว่านะคะ ตอนนั้นน้องเฟิร์นอยู่หอของอะไรเอ่ย ?

Fern: เฟิร์นอยู่หอของมหาวิทยาลัยค่ะ แต่ว่ามันตั้งอยู่ข้างนอกที่ค่อนข้างดีหน่อย แต่ว่ามันก็จะอยู่ในละแวกกงกวน หรือว่าละแวกมหาลัยนั่นแหละค่ะ ซึ่งสะดวกสบายมากๆ หาของกิน ของใช้ได้ตลอดเวลาเลย 

Orimos: แล้วเวลาว่างน้องเฟิร์นชอบทำอะไรบ้างคะ ?

Fern: ชอบออกกำลังกายค่ะ ส่วนใหญ่เฟิร์นมักจะไปออกกำลังกายกับคลับของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีกิจกรรมหรือประเภทของการออกกำลังกายหลากหลายมากๆ ถือเป็นการฝึกภาษาจีนที่ดีด้วยค่ะ 

Orimos: สุดท้ายแล้วนะคะ อยากให้น้องเฟิร์นช่วยฝากให้กับคนที่มุ่งมั่นอยากจะได้ทุน MOE ควรจะต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษมากที่สุดคะ ?

Fern: เตรียมเวลาในการทำเอกสารค่ะ (หัวเราะ) เพราะคนไม่ได้เพราะรอบนี้เยอะมากค่ะ อยากให้ทุกคนตั้งใจค่ะ เพราะการตัดสินใจไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเฟิร์นเลยค่ะ 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับประสบการณ์ดีๆในการไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ชีวิตดีๆและอนาคตที่สดใสรอคุณอยู่ หากท่านใดอยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อโอริมอสมาได้เลยนะครับ คิดถึงเรียนต่อไต้หวัน คิดถึงโอริมอสนะครับ

ฟรี! ติดต่อเราเพื่อเข้ารับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Orimos P'Kong
orimos.education@gmail.com

อดีตนักเรียนทุนรัฐบาลไต้หวัน TaiwanICDF ปี 2018-2020 คณะ IMBA NCCU Business School ชั้นนำของไต้หวัน และเป็นอดีตประธานนักเรียนประจำรุ่นของ IMBA NCCU 2019-2020 เคยศึกษากฎหมายระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน (เกียรตินิยม) ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรนิยมอันดับหนึ่ง

No Comments

Post A Comment